วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เครื่องดักฟังส่วนบุคคล เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัวหรือไม่ หาคำตอบได้





 หลวงพ่อเทียนสอนว่า การเจริญสติแบบเคลื่อนไหวนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการคักษาคัมภีร์หรือตำรา (การคักษาคัมภีร์พระไตรปิฎกได้รับการส่งเสริมโดยพระนักปฏิรูปอย่างเซ่น พุทธทาสภิกขุ และพระธรรมปิฎก) การเจริญสติแบบเคลื่อนไหวไม่เกี่ยวข้องกับการกำหนดลมหายใจ การเพ่งรูปนิมิตการภาวนาคำต่าง ๆ ในใจ หรือการพิจารณาตรึกตรองธรรมชาติของสิงต่าง ๆและไม่เน้นเรื่องของคัล การเจริญสติแบบเคลื่อนไหวตามแนวทางของหลวงพ่อเทียน เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายทีละจังหวะ เช่น การยกมือสร้างจังหวะหรือการเดินจงกรม เพื่อเป็นการปลุกสติหรือ “ธาตุรู้” ในตัวเองให้ตื่นขน สติหรือธาตุรู้จะเข้าไป “ดู” ความคิดซึ่งเป็นรากเหง้าของกิเลสทั้งปวงและตัดกระแสของความคิดนั้นๆหลวงพ่อเทียนและสานุคิษย์ที่สำคัญ เช่น อาจารย์คำเขียน สุวณฺโณและอาจารย์ดา สัมมาคโต เป็นพระภิกษุในฝ่ายมหานิกาย การเจริญสติแบบเคลื่อนไหวตามแนวทางของหลวงพ่อเทียนได้รับความสนใจทั้งจากชาวบ้านในชนบทที่ห่างไกล และจากซนชั้นกลางในกรุงเทพฯ เครื่องดักฟังเสียง และหัวเมืองใหญ่ เนื่องจากสำนักกรรมฐานสายนี้วิพากษ์วิจารณ์การตีความคำสอนพุทธศาสนาของชนชั้นปกครองและไสยศาสตร์ของไทย จึงอาจจัดได้ว่าเป็นพุทธศาสนาฝ่ายปฏิรูปของชนชั้นกลางในสังคมไทย3. สำนักแห่ง “ปัญญา” พุทธทาสภิกขุ และพระธรรมป็ฏกคำสอนอันเป็นตัวแทนของ “ปัญญา” ในพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทของไทยนั้น ที่เด่นและสำคัญได้แก่ คำสอนของพุทธทาสภิกขุ (เงื่อม อินฺทปญโญ)แห่งสวนโมกฃพลาราม อำ๓อไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และคำสอนของพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตุโต) แห่งวัดญาณเวศกวัน ตำบลบางกระทึกอำ๓อสามพราน จังหวัดนครปฐมก) พุทธทาสภิกขุกล่าวกันว่า การปฏิรูปคำสอนในพุทธศาสนาด้วยระบบเหตุผลนิยมซงริเริมขนเดยรัชกาลท 4 และเดรับการสานต่อ๒ยพระภิกษุทังฝ่ายธรรมยุติและมหานิกายนั้น มาเสร็จสินสมบูรณ์ในงานของพุทธทาสภิกขุ พุทธทาสภิกขุไม่เพียงแต่วิพากษ์วิจารณ์ไสยศาสตร์ของชนชั้นล่างเท่านั้น แต่ยังได้วิพากษ์วิจารณ์อภิปรัชญาของชนชั้นปกครองอีกด้วย ทำให้ระบบเหตุผลนิยมครบถ้วนสมบูรณ์ในงานของท่าน นอกจากนี้ท่านยังได้เติมเต็มการปฏิรูปคำสอนพุทธศาสนาในอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์ของท่านเองโดยแท้ด้วยการติความพุทธศาสนาตรงไปยังสภาวะทางจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติความเรื่องปฏิจจสมุปบาทอันโดดเด่นของท่าน  อุปกรณ์นักสืบราคาถูก ซึ่งท่านเน้นวงจรทั้งฝ่ายเกิดทุกข์และฝ่ายดับทุกข์ว่าเป็นเรื่องสภาวะทางจิตใจ ปฏิจจสมุปบาทสายหนึ่งจึงกินเวลาเพียงชั่วขณะจิตเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ท่านยังติความเรื่องนิพพานว่าเป็นสภาพความพ้นทุกข์ทางใจ ซึ่งสามารถถึงได้แม้แต่ที่นี่และเดี๋ยวนี้พุทธทาสภิกขุได้ริเริ่มการกลับไปใช้ชีวิตของหมู่สงฆ์ตามแบบครั้งพุทธกาลท่านได้จัดตั้ง “สวนโมกฃพลาราม” (สวนแห่งความหลุดพ้น) ขึ้น'ที่ตำบลพุมเรียงในปี พ.ศ. 2475 และต่อมาได้ย้ายมาที่อำ๓อไซยาอันเป็นสถานที่ตั้งในปัจจุบันท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ท่านกล่าวอยู่เสมอว่า “พระธรรมก็คือธรรมชาติ ธรรมชาติก็คือพระธรรม” ท่านจึงสอนให้เฝ็าสังเกตความเป็นไปในธรรมชาติ พร้อมกับการปฏิบัติ อานาปานสติ (สติเฝืาดูลมหายใจ) วิธีการปฏิบัติ อานาปานสติ มีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎก ชั้นแรกผู้ปฏิบัติจะเฝ็าดูลมหายใจด้วยวิธีการต่างๆ (สมถะ) ในขั้นต่อมาผู้ปฏิบัติจะใช้สมาธิที่เกิดจากการดูลมหายใจ มาพิจารณาถึงธรรมชาติของสิงทั้งหลายตามที่เป็นจริง(วิปัสสนา) นอกจากนี้ผู้ปฏิบัติพึงแสวงหา “ปัญญา” ด้วยการคืกษาหาความรู้จากพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และคัมภีร์ต่างๆ นอกเหนือจากการอ่านและพีงพระธรรมคำลังสอนจากท่านผู้รู้ และประพฤติตนอยู่ในคืลธรรมที่ดีพุทธทาสภิกขุได้ทำการเผยแผ่พุทธศาสนาและสร้างสรรค์ผลงานอันยิ่งใหญ่ ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี สวนโมกฃพลารามได้กลายเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในศตวรรษที่ 20 งานเผยแผ่พุทธ-ศาสนาในชุด “ธรรมโฆษณ์'’ ของท่านนั้น เป็นผลงานทางความคิดอันยิ่งใหญ่เป็นงานรีเริ่มสร้างสรรค์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดทางพุทธศาสนา และ  นเทรวิพัเเป็นงานซึ่งเมื่อรวบรวมสำเร็จสมบูรณ์แล้ว จะมีความยาวยิ่งกว่า “พระไตรปิฎก”ของพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทเสียอีก พุทธทาสภิกขุและสวนโมกฃพลารามเป็นสัญลักษณ์และตัวแทนทาง “ปัญญา” ของพุทธศาสนาฝ่ายปฏิรูปของชนชั้นกลาง กลุ่มที่เป็นนักวิชาการ นักภิกษา และปัญญาชนในสังคมไทยข) พระธรรมปิฎกเมื่อเปรียบเทียบกับสำนักพุทธศาสนาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดแล้วบทบาทและสถานะของพระธรรมปิฎกแตกต่างออกไปค่อนข้างจะเด่นชัด ในขณะที่สำนักดังกล่าวทั้งหมดมีการฝึกอบรมและการปฏิบัติตามแนวทางของแต่ละสำนักนั้น ดักฟังเสียงคุยโทรศัพท์ พระธรรมปิฎกกลับเป็นนักคิดอิสระที่สร้างสรรค์ผลงานด้วยการเขียนหนังสือ และการบรรยายธรรมตามสถานที่ต่างๆ เป็นส่วนใหญ่มีได้ตั้งสำนักเพื่อฝึกอบรมหรือแนะนำการปฏิบัติในแนวทางใดแนวทางหนึ่งแก่ผู้คนโดยเฉพาะ ในทรรศนะของท่าน การปฏิบัติธรรมคือการนำข้อธรรมะต่างๆ ที่ได้ภิกษามาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ให้เกิดความถูกต้องเรียบร้อย ดีงามนั่นเองด้วยความแม่นยำในพระคัมภีร์ของท่าน พระธรรมปิฎกเป็นเสมือน“พระไตรปิฎกที่มีชีวิต” คอยทำหน้าที่ตรวจสอบสำนักพุทธศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย ว่าคำสอนเหล่านั้นถูกต้องตรงกับที่กล่าวไวในพระไตรปิฎกหรือไม่ถ้าหากเห็นว่าคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับที่บัญญัติไร้ในพระไตรปิฎก เครื่องดักฟังไร้สาย ท่านก็จะท้วงติงอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ดังเช่นที่ท่านท้วงติงสำนักสันติอโศกและวัดพระธรรมกายมาแล้ว ในแง่นี้ท่านเปรียบเสมือนบรรทัดฐานของพุทธ-ศาสนาฝ่ายเถรวาทในยุคปัจจุบัน อาจมีผู้แย้งว่าพระไตรปิฎกอาจมีใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด เพราะในประวัติศาสตร์อันยาวนานของพุทธศาสนานั้นคำสอนของพระพุทธเจ้าบางส่วนอาจสูญหายไป และบางส่วนอาจมีผู้เพิ่มเติมเข้ามาทีหลังก็เป็นได้ ข้อนี้ท่านให้ความเห็นว่า ธรรมเนียมการจดจำพระไตร-ปิฎกนับแต่ครั้งพุทธกาลเป็นต้นมามีความแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง และการบันทึกพระไตรปิฎกก็กระท่าด้วยความระมัดระวัง หากมีข้อท้วงติงหรือการติความที่ผิดพลาดเกิดขึ้น พระเถระในแต่ละรุ่นก็จะช่วยกันออกมาชำระสะสางให้ถูกต้อง

เครื่องดักฟัง

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เรียนรู้วิธีใช้เครื่องดักฟัง เพื่อจับผิดพฤติกรรมคนรัก





ผลวัฒนะ และคุณไพโรจน์ที่เคยไปทำข่าวที่ศาลประจวบฯ ด้วยกันก็แวะเวียนมาที่ใต้ถุนกรมประชาสัมพันธ์ด้วยทั้งหมดที่เอ่ยซื่อมานี้จะยึดเอาพี่โชติ มณีน้อย เป็นที่รวมกลุ่มข่าวพี่โชติทำข่าวมานานและเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ใครมีปัญหาอะไรก็มาปรึกษาหารือ หรือแม้แต่มีเรื่องผิดพ้องหมองใจก็มาปรับทุกข์กันคนที่เข้ามารวมกลุ่มเป็นคนสุดท้ายน่าจะเป็นคุณนพพร เพราะมาให้เห็นหน้าไม่สมาเสมอ อาศัยที่หน้าตาหล่อเหลาไม่ใช่เล่นประกอบกับพูดน้อยแต่พูดทีไรคนฟังมักจะอมยิ้มเสมอแสดงถึงความเป็นผู้มีอารมณ์ดีผมเก็บรวมกลุ่มคนเหล่านี้มาเพื่อที่จะบอกว่า ต่อมา มีการนัดพบกันทุกวันอาทิตย์ นัดแนะไปบ้านพี่โชติที่อยู่ในชอย...

(ผมจำซื่อซอยไม่ได้และไม่ได้ถามคุณ'เพงษ์ มณีน้อย) ร่วมวงอาหารกลางวันกัน หอบหิ้วอาหารที่ซื้อหาติดมือไปบ้าง ไปมือเปล่าบ้าง เรียกว่าเอาภาระไปให้ “พี่กอบ” ภรรยาของพี,โชติแท้ๆ แต่พี่กอบกลับยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับขับล้พวกเราเป็นอย่างดีช่วงเวลานั้นเพงษ์หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า “ยุ้ย” ก็จะกุลีกุจอคอยดูแลบรรดาน้าๆ อาๆ ทั้งหลายตัวเป็นเกลียว ดูเหมือนจะมืน้องชายที่เรียกกันว่า “เด” อีกคน ส่วนน้องสาวซึ่งดูเหมือนจะชื่อ “สุด”  เครื่องติดตามมือถือ เป็นคนเล็กในเวลานั้น ทั้งหมดเหล่านี้จะมาร่วมสนุกและร่วมวงอาหารกันอย่างสนุกผมเป็นขาประจำเช่นเดียวกับสามสุภาพสตรี คือเจ๊นงค์-จุ๋ง และอ้อยนอกจากผมแล้วจะมีไพโรจน์บ้าง นพพรบ้าง หรือแม้แต่ประวิตรก็ยังเคยมาร่วมวงไพพูลย์กันเป็นประจำ เรียกว่าเป็นกลุ่มที่รักใคร่นับถือกันและทำงานกัน ให้ข้อคิดแนะนำกัน  เฉพาะพี่โชตินั้นจะเป็นพี่ใหญ่ของทุกคนก็ว่าได้กว่าจะแยกย้ายอำลาจากกันก็เป็นเวลาไม่ตากว่าสี่หรือห้าโมงเย็นคงลืมไม่ได้ว่าหลังมื้อกลางวันแล้ว ทำอะไรกัน จะมีอะไรมากไปกว่าเล่นไพ่ บางทีก็โปิกเกอร์หรือเผแบบเบาๆ ไม่หนักหนา ได้-เสียกันไม่กี่บาทหรือแม้แต่ไพ,จีนที่เรียกว่า “ซีเซ็ก” บางทีก็ไพ่ผ่องซึ่งพี่กอบมักจะลงมาร่วมวงด้วยเพราะชอบ เล่นไพ่แบบสนุกสนานไม่ได้คิดจรืงจังกับได้หรือเสียถือว่าเป็นความสุขสุดสัปดาห์และความสนิทกันอย่างที่หาไม่ได้อีกแล้ว๒๕๐ ฝ่าทะเลนํ้าหมึกก้าวไปสู่โลกบันเทิงการเข้ามาบริหารงานหนังสือพิมพ์รายวันเต็มตัวของคุณสนิท เอกชัย' ในคราวนัน ทำให้ผมเห็นได้ชัดเจนถึงการทุ่มเททังพลังความคิดและการบุกบั่นอันสำคัญคือการต่อสํกับคู่แข่งชันที่มีความเก่าแก่ทั้งกาลเวลาและบุคคลที่เป็นผู้บริหาร“เดลิเมล์” ในยุคที่คุณสมบุรณ์วิริยศิริ ริอ่านบากบั่นนั้น ค่ายสีลมหรือ

“พิมพ์ไทย” เครื่องดักฟังระยะไกล  มีบุคคลที่เรียกได้ว่าในระดับ “หัวกะทิ” ดูแลและดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจังบริษัท ไทยพาณิชยการ จำกัด ยุคนั้นมีนายธนวนต์ จาตุประยูร ผู้เขียนบทความสำคัญนำฉบับใน “สยามสมัย” ในนามปากกา “ธนาลัย”เป็นผู้อำนวยการ มีหลวงบุณยมานพาณิชย์ หรืออีกนัยหนึ่งนามปากกา“แลงทอง” เป็นที่ปรึกษา ผู้เป็นบรรณาธิการคือนายสมัคร ดักฟังเสียง  เสาวรส นักหนังสือพิมพ์รุ่นเก่า มีนายสมัย เรืองไกร เป็นบรรณาธิการผู้ช่วยคุณสนิทจึงต้องระดมความคิดและปรับแต่งหน้าตาให้ดูแปลกเปลี่ยนไปเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยการเปิด “ศาลาสารพัดนึก” โดย“ทินกร ลดศรี” จนฮือฮาและการปรับเปลี่ยนเนื้อหาภายในก็เป็นอีกประ- เด็นหนึ่งที่ต้องทำเดลิเมล์มีฉบับพิเศษประจำวันจันทร์ยังคงมีอยู่อย่างเดิม เพียงแต่ปรับหน้าตาภายในด้วยการนำเนื้อหาต่างๆ มาจัดในลักษณะเรื่องราวน่ารู้อย่างโน้นนิดอย่างนี้หน่อยน่ามาซอยเป็นคอลัมน์คอลัมน์ไป

เครื่องดักฟังไร้สาย

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

เคล็ดลับในการพูดเพื่อโน้มน้าวใจคนฟังที่ได้ผลดี


                                                                 


เคล็ดลับในการพูดเหล่านี้จะช่วยทำให้เราเป็นที่นิยมชมชอบและมีแต่คนอยากจะคุยด้วย แต่หากว่าเป็นไปในทางตรงกันข้าม ก็จะมีแต่คนเดินหนีห่าง แม้จะไม่รู้สีกว่าเราไม่ไดิไม่ดีอะไร แต่เขาก็จะรู้สึกว่าเราเข้าถึงยากนั่นเอง  ความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ รวมไปถึงได้ชักถามในเรื่องที่เราไม่รู้ ตัวอย่างเช่น หากว่าเราไม่สนใจเรื่องฟุตบอล แล้วเขาเล่าให้ฟัง  เราก็อาจจะฟังอย่างสนอกสนใจ พอเขาพูดจบก็อาจจะบอกว่าเราไม่ได้ดูบอลหรอก

แต่มีเพื่อนอีกคนหนึ่งดูก็บอกคล้ายๆ อย่างนี้แล้วตกลงวันนั้นชนะไหม เพียงเท่านี้เขาก็จะรับทราบว่าเราไม่ได้สนใจเรื่องฟุตบอล แต่เขาก็รับรู้ว่าเราตั้งอกตั้งใจฟังและมีอารมณ์ร่วม เพราะเรามีการชักถามและพูดคุยต่อแต่หากว่าเราไม่ชอบที่จะพูดคุยเรื่องดังกล่าวก็อาจจะ ตั้งใจฟัง   

และเปลี่ยนเรื่องไปอย่างแนบเนียน อย่างเช่นการถามถึงคนรู้จัก อย่างเช่นแป้วไหนเสียแล้วล่ะ เป็นต้นการมีอารมณ์ร่วมกับการสนทนานั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะฟังเพียงอย่างเดียวคนอาจจะรู้สึกว่าเราน่าคบ   นักสืบ แต่หากว่ามีอารมณ์ร่วมระหว่างการสนทนาคนจะมองว่าเราคุยสนุก และจะเข้าหาเรามากยิ่งขึ้นไปอีกไม่ทาพู้อื่นแน่นอนว่ามนุษย์ทุกคนนั้นมีความอยากที่จะรู้เรื่องของคนอื่นไม1เช่นนั้นหนังสือกอสซิปดาราคงไม่ขายดีเป็นเทนํ้าเทท่าหรอก แต่หากว่าเรากลายเป็นคนขึ้นีนทา อยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นไปเสีย เครื่องติดตามสัญญาณ ทุกเรื่องคงจะไม่ดีหรอกคำว่า “นินทา”

ก็บอกอยู่ในตัวแล้วว่าเป็นเรื่องไม่ค่อยดีนักเกี่ยวกับผู้อื่น อาจจะเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือเกียรติของผู้อื่น และแน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่เจ้าตัวไม่อยากจะให้ใครรู้เห็นมาก และนํ้าดังนั้นเราจึงควรดูว่าจังหวะไหนควรจะพูด จังหวะไหนควรจะฟัง อย่างเซ่นหากว่าเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องที่เราพอมีความรู้ หรือว่าสามารถต่อเรื่องต่อไ!แต้ ก็ควรจะพูดเล่าเรื่องให้เขาฟังเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แต่หากว่าเขายังรู้สึกเมามันในการพูดอยู่ ก็ปล่อยให้เขาพูดไปก่อนแล้วเราค่อยพูดตอนที่เขาพูดจบแล้วก็ไต้คนที่รู้จังหวะ ในการพูดนั้นมักจะเป็นผู้ที่มีคนนิยม เพราะเขาจะดูเป็นคนที่มีเสน่ห์ และอยู่ตรงกลางระหว่างคนที่เอาแต่พูดกับคนที่เอาแต่ฟัง และคนที่คุยกับเขาก็จะรู้สึกสนุก จีพีเอสบอกนำทาง และไม่เบื่อจนเกินไปมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องที่พูดคุยจริงอยู่ว่าแม้เราจะรับฟังเรื่องของคนอื่น แต่หากว่าเรารับฟังแบบสีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้!ม่คิดอะไร ใครล่ะจะอยากคุยกับเรา เพราะเขารู้ดี'ว่า เราไม่ได้สนใจหรือรู้สึกในเรื่องที่เขาเล่าให้ฟังเลยแม้แต่น้อยการมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องที่กำลังพูดหรือสนทนาก็มีความสำคัญเพราะการที่เราพยักหน้า แสดงความเศร้าสลด หรือว่ายิ้มแบบขำๆ เมื่อตอนที่อีกฝ่ายเล่าเรื่องต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ใครๆ ต่างอยากจะพูดคุยหรือว่าคบหา เพราะรู้สึกว่าเวลาคุยกันแล้วถูกคอถูกใจไปเสึยหมดบางคนอาจจะบอกว่า ก็เราไม1ไต้สนใจเรื่องที่เขาพูดก็เลยไม่รู้ว่าจะมีอารมณ์ร่วมหรือว่าถามอะไร ถ้าคิดอย่างนั้นก็จบเกม ไม่ต้องไปพูดคุยกับใครเขา เพราะเราตั้งกำแพงเอาไว้อย่างนี้แล้ว ทางที่ดีให้เราคิดเสียว่าเป็นการเปิดโลกเรียนรู้สิ่งที่เราไม่รู้เสียใหม่    และไต้รับฟัง  รู้สึกชื่นชมเรา    และยิ่งหากว่าเราเก่งแล้วยังรู้จักถ่อมตัว เครื่องดักฟังจิ๋ว เขาก็จะยิ่งรู้สึกว่าเรานั้นเป็นคนที่น่าคบหาเป็นยิ่งนัก เพราะไม่ยกตนข่มท่านนั่นเองนี่แหละคืออำนาจและเสน่ห์ของการพูด ที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งเป็นที่รัก หรือว่าเป็นที่ชังไดโดยทันทีที่เอ่ยปากพูดรู้จังเาวะในการพูดคนที่พูดเก่งๆ เขาจะรู้จังหวะในการพูด นั่นก็คือรู้ว่าเวลาไหนควรจะพูด เวลาไหนควรจะฟัง ไม่ใช่เอาแต่พูดหรือว่าเอาแต่ฟังอย่างเดียว เพราะว่าการผูกขาดการพูดคนเดียว คนที่ฟังก็อาจจะเบื่อหน่ายแต่หากว่าเราเอาแต่ฟัง คนที่พูดอาจจะรู้สึกว่าตัวเขาบ้าพูดอยู่คนเดียวนอกจากนี้เขาก็อาจไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาพูดนักหนาด้วย

เครื่องติดตามขนาดเล็ก