วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เรียนรู้วิธีใช้เครื่องดักฟัง เพื่อจับผิดพฤติกรรมคนรัก





ผลวัฒนะ และคุณไพโรจน์ที่เคยไปทำข่าวที่ศาลประจวบฯ ด้วยกันก็แวะเวียนมาที่ใต้ถุนกรมประชาสัมพันธ์ด้วยทั้งหมดที่เอ่ยซื่อมานี้จะยึดเอาพี่โชติ มณีน้อย เป็นที่รวมกลุ่มข่าวพี่โชติทำข่าวมานานและเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ใครมีปัญหาอะไรก็มาปรึกษาหารือ หรือแม้แต่มีเรื่องผิดพ้องหมองใจก็มาปรับทุกข์กันคนที่เข้ามารวมกลุ่มเป็นคนสุดท้ายน่าจะเป็นคุณนพพร เพราะมาให้เห็นหน้าไม่สมาเสมอ อาศัยที่หน้าตาหล่อเหลาไม่ใช่เล่นประกอบกับพูดน้อยแต่พูดทีไรคนฟังมักจะอมยิ้มเสมอแสดงถึงความเป็นผู้มีอารมณ์ดีผมเก็บรวมกลุ่มคนเหล่านี้มาเพื่อที่จะบอกว่า ต่อมา มีการนัดพบกันทุกวันอาทิตย์ นัดแนะไปบ้านพี่โชติที่อยู่ในชอย...

(ผมจำซื่อซอยไม่ได้และไม่ได้ถามคุณ'เพงษ์ มณีน้อย) ร่วมวงอาหารกลางวันกัน หอบหิ้วอาหารที่ซื้อหาติดมือไปบ้าง ไปมือเปล่าบ้าง เรียกว่าเอาภาระไปให้ “พี่กอบ” ภรรยาของพี,โชติแท้ๆ แต่พี่กอบกลับยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับขับล้พวกเราเป็นอย่างดีช่วงเวลานั้นเพงษ์หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า “ยุ้ย” ก็จะกุลีกุจอคอยดูแลบรรดาน้าๆ อาๆ ทั้งหลายตัวเป็นเกลียว ดูเหมือนจะมืน้องชายที่เรียกกันว่า “เด” อีกคน ส่วนน้องสาวซึ่งดูเหมือนจะชื่อ “สุด”  เครื่องติดตามมือถือ เป็นคนเล็กในเวลานั้น ทั้งหมดเหล่านี้จะมาร่วมสนุกและร่วมวงอาหารกันอย่างสนุกผมเป็นขาประจำเช่นเดียวกับสามสุภาพสตรี คือเจ๊นงค์-จุ๋ง และอ้อยนอกจากผมแล้วจะมีไพโรจน์บ้าง นพพรบ้าง หรือแม้แต่ประวิตรก็ยังเคยมาร่วมวงไพพูลย์กันเป็นประจำ เรียกว่าเป็นกลุ่มที่รักใคร่นับถือกันและทำงานกัน ให้ข้อคิดแนะนำกัน  เฉพาะพี่โชตินั้นจะเป็นพี่ใหญ่ของทุกคนก็ว่าได้กว่าจะแยกย้ายอำลาจากกันก็เป็นเวลาไม่ตากว่าสี่หรือห้าโมงเย็นคงลืมไม่ได้ว่าหลังมื้อกลางวันแล้ว ทำอะไรกัน จะมีอะไรมากไปกว่าเล่นไพ่ บางทีก็โปิกเกอร์หรือเผแบบเบาๆ ไม่หนักหนา ได้-เสียกันไม่กี่บาทหรือแม้แต่ไพ,จีนที่เรียกว่า “ซีเซ็ก” บางทีก็ไพ่ผ่องซึ่งพี่กอบมักจะลงมาร่วมวงด้วยเพราะชอบ เล่นไพ่แบบสนุกสนานไม่ได้คิดจรืงจังกับได้หรือเสียถือว่าเป็นความสุขสุดสัปดาห์และความสนิทกันอย่างที่หาไม่ได้อีกแล้ว๒๕๐ ฝ่าทะเลนํ้าหมึกก้าวไปสู่โลกบันเทิงการเข้ามาบริหารงานหนังสือพิมพ์รายวันเต็มตัวของคุณสนิท เอกชัย' ในคราวนัน ทำให้ผมเห็นได้ชัดเจนถึงการทุ่มเททังพลังความคิดและการบุกบั่นอันสำคัญคือการต่อสํกับคู่แข่งชันที่มีความเก่าแก่ทั้งกาลเวลาและบุคคลที่เป็นผู้บริหาร“เดลิเมล์” ในยุคที่คุณสมบุรณ์วิริยศิริ ริอ่านบากบั่นนั้น ค่ายสีลมหรือ

“พิมพ์ไทย” เครื่องดักฟังระยะไกล  มีบุคคลที่เรียกได้ว่าในระดับ “หัวกะทิ” ดูแลและดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจังบริษัท ไทยพาณิชยการ จำกัด ยุคนั้นมีนายธนวนต์ จาตุประยูร ผู้เขียนบทความสำคัญนำฉบับใน “สยามสมัย” ในนามปากกา “ธนาลัย”เป็นผู้อำนวยการ มีหลวงบุณยมานพาณิชย์ หรืออีกนัยหนึ่งนามปากกา“แลงทอง” เป็นที่ปรึกษา ผู้เป็นบรรณาธิการคือนายสมัคร ดักฟังเสียง  เสาวรส นักหนังสือพิมพ์รุ่นเก่า มีนายสมัย เรืองไกร เป็นบรรณาธิการผู้ช่วยคุณสนิทจึงต้องระดมความคิดและปรับแต่งหน้าตาให้ดูแปลกเปลี่ยนไปเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยการเปิด “ศาลาสารพัดนึก” โดย“ทินกร ลดศรี” จนฮือฮาและการปรับเปลี่ยนเนื้อหาภายในก็เป็นอีกประ- เด็นหนึ่งที่ต้องทำเดลิเมล์มีฉบับพิเศษประจำวันจันทร์ยังคงมีอยู่อย่างเดิม เพียงแต่ปรับหน้าตาภายในด้วยการนำเนื้อหาต่างๆ มาจัดในลักษณะเรื่องราวน่ารู้อย่างโน้นนิดอย่างนี้หน่อยน่ามาซอยเป็นคอลัมน์คอลัมน์ไป

เครื่องดักฟังไร้สาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น